บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66 เติบโตโดดเด่นทุกกลุ่มธุรกิจ กวาดรายได้จากการขายและบริการ 5,379.2 ล้านบาท เติบโต 18.5% และกำไรสุทธิ 81.1 ล้านบาท เติบโต 32.4% วางยุทธศาสตร์ขยายระบบนิเวศทางธุรกิจ ทั้งบริการด้านการเงินครบวงจรภายใต้ Alpha X และบริการหลังการขายและซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระผ่าน MMS Bosch Car Service and Tyre พร้อมรุกสร้าง Marine Business Ecosystem ขยายระบบนิเวศสู่ธุรกิจมารีนเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นตลาด Blue Ocean ที่มีศักยภาพเติบโตสูงทั้งในประเทศและภูมิภาค เพื่อเสริมความแข็งแกร่งระบบนิเวศทางธุรกิจ Lifestyle Mobility Ecosystem
ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ Lifestyle Mobility Ecosystem ที่มุ่งตอบสนองไฟล์สไตล์การเดินทาง อย่างครบวงจร เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการรวม 5,379.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ในกลุ่มธุรกิจจำหน่าย ยานยนต์ และกลุ่มธุรกิจบริการหลังการขายและซ่อมบำรุงยานยนต์อิสระที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้แก่กลุ่มบริษัทฯ ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 81.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี
กลุ่มบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจด้วยโมเดล Lifestyle Mobility Ecosystem ซึ่งมีความโดดเด่น และมีระบบนิเวศทางธุรกิจที่ครบวงจร สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าได้อย่างครอบคลุม รวมทั้งการสร้างการเติบโตจากการดำเนินงานร่วมกันภายในองค์กรและพันธมิตร (Synergy) ที่มีความเกี่ยวเนื่องและส่งเสริมกัน ส่งผลให้รายได้ของกลุ่มบริษัทฯ เพิ่มขึ้น ในทุกกลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย 1) ธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ มีรายได้เพิ่มขึ้น 19.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลจากการเพิ่มขึ้นของยอดจำหน่ายรถยนต์ BMW เรือยอร์ช Azimut และบิ๊กไบค์ Harley-Davidson 2) ธุรกิจให้บริการหลังการขายและให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระ มีรายได้เพิ่มขึ้น 13.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จาการขยายศูนย์บริการเพิ่มขึ้น ซึ่งกลุ่มธุรกิจนี้สามารถสร้างรายได้ประจำให้กลุ่มบริษัทฯ (Recurring Income) 3) ธุรกิจบริการเช่ารถยนต์ทั้งระยะสั้นและระยะยาวพร้อมพนักงานขับ มีรายได้เพิ่มขึ้น 23.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ ในไตรมาส 1/2566 ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทฯ ได้ขยายพอร์ตไปสู่นานน้ำใหม่ในกลุ่มธุรกิจมารีน (Marine Business Ecosystem) ซึ่งเป็นตลาด Blue Ocean เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่ม MGC-ASIA ผ่านการขยายฐานสินค้า และบริการให้หลากหลายยิ่งขึ้น โดยบริษัท เอ็มจีซี มารีน แอนด์ ชาเตอร์ (เอเชีย) จำกัด ภายใต้บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) เปิดตัวเรือสัญชาติอเมริกันแบรนด์ Chris-Craft ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 149 ปี พร้อมสิทธิ์การจัดจำหน่ายและให้บริการแต่เพียงรายเดียวในไทยและภูมิภาคอาเซียน หลังจากประสบความสำเร็จจากการเป็นผู้จัดจำหน่ายเรือยอร์ชสัญชาติอิตาเลียน Azimut รายเดียวในประเทศไทยมากว่า 8 ปี
“ธุรกิจมารีนเป็นตลาดที่มีผู้เล่นน้อยราย (Blue ocean) และยังมีศักยภาพเติบโตสูง ด้วยความพร้อมในระบบนิเวศ ทางธุรกิจที่สมบูรณ์แบบของ MGC-ASIA ผสานกับประสบการณ์ในการดูแลลูกค้ามาอย่างยาวนาน พร้อมพันธมิตรทางธุรกิจ ที่แข็งแกร่ง อาทิ ริเวอร์เดล มารีน่า ปทุมธานี, โอเชียน มารีน่า พัทยา และบริการด้านการเงินจาก อัลฟา เอกซ์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการด้านการเงิน และเป็นเจ้าของเรือ ได้ง่ายขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมเรือเพื่อสันทนาการและการท่องเที่ยว โดยกลุ่มบริษัทฯ พร้อมสร้างการเติบโตอีกหนึ่งยูนิเวอร์ส เพื่อก้าวสู่ผู้นำตลาดในประเทศไทยและอาเซียน ภายใต้ MGC-ASIA Lifestyle Mobility Ecosystem” ดร.สัณหวุฒิ กล่าว
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 2/2566 ปัจจัยมาจากภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีแนวโน้มเติบโต รวมทั้งการขยายระบบนิเวศทางธุรกิจไปสู่กลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตสูงในอนาคต โดยกลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ คาดว่าขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากดีมานด์ของรถยนต์ที่ยังแข็งแกร่ง และยังมียอดขายรถที่รอส่งมอบ (Backlog) อีกจำนวนมาก ประกอบกับปัญหาซัพพลายเชนคลี่คลาย ทำให้สามารถส่งมอบรถยนต์ได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า ที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ มีแผนขยายพอร์ตธุรกิจผ่านการขยายฐานสินค้าให้มากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้า และดำเนินการเพิ่มศักยภาพการเติบในทุกกลุ่มธุรกิจ
ขณะที่กลุ่มธุรกิจให้บริการเช่ารถยนต์และพนักงานขับ คาดว่าจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย มาตรการการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้เกิดดีมานด์ในตลาดธุรกิจรถเช่า SIXT ทั้งจากลูกค้าชาวต่างชาติ และการบริโภคภายในประเทศ โดยพอร์ตรถเช่า SIXT มีความหลากหลายของรุ่นรถทั้งรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป และรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมถึงรถยนต์หรูสำหรับเช่า ซึ่งสร้างความแตกต่าง และสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าได้อย่างครอบคลุม
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลุ่มบริษัทฯ เตรียมขยายโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการครบวงจรในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญ ภายในไตรมาส 2/2566 โดยเปิดโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการ BMW Millennium Auto, MINI Millennium Auto เฟสแรก และจะมีการขยายโชว์รูมสำหรับแบรนด์อื่นๆ ในเครือฯ เพื่อสร้าง Southern Cluster ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโมเดลธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ที่จะสร้าง การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยปัจจุบัน MGC-ASIA มีโชว์รูมพร้อมศูนย์ให้บริการในพื้นที่ภาคใต้ 3 แห่ง ประกอบด้วย ภูเก็ต หาดใหญ่ และ สุราษฎร์ธานี
ส่วนการขยายบริการที่เกี่ยวเนื่อง ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำที่แข็งแกร่ง ไปสู่ธุรกิจให้บริการทางการเงิน อย่างครบวงจร ครอบคลุมสินเชื่อเช่าซื้อ ลีสซิ่ง และสินเชื่อรีไฟแนนซ์ สำหรับยานยนต์ในระดับลักชัวรี่ ผ่านบริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด ปัจจุบันอยู่ในช่วงขยายเงินลงทุนเพื่อขยายพอร์ตสินเชื่อของ Alpha X ขณะที่กลุ่มธุรกิจบริการหลังการขาย และซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระ (MMS Bosch Car Service and Tyre) วางแผนขยายสาขาเป็น 45 สาขา ภายใน 3 ปี จากปัจจุบันมีทั้งหมด 22 สาขา เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ตามแผนยุทธศาสตร์ของกลุ่มบริษัทฯ